โรคมาลาเรีย ภัยร้ายอันตรายพรากชีวิต
โรคมาลาเรีย ยุงเป็นพาหะ ภัยร้ายอันตรายพรากชีวิต
เป็นโรคที่มียุงเป็นพาหะ แต่เป็นคนละชนิดกันกับโรคไข้เลือดออก เพราะโรคไข้เลือดออกจะมียุงลายเป็นพาหะ แต่โรคมาลาเรียจะมี “ยุงก้นป่อง” เป็นพาหะนำโรค สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ ทำให้ระบาดได้ง่ายเป็นวงกว้าง โดยผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้มักอาศัยอยู่บริเวณชายป่า ชายเขา จำนวน 400 คน พบว่ามีเชื้อเพราะยุงก้นป่องเป็นยุงที่อยู่ในป่า ทำให้คนที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวมีความเสี่ยงมากกว่าคนพื้นที่อื่นๆ ในการเกิดโรค ล่าสุดยังพบว่าเมื่อทำการเจาะเลือดกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในบริเวณายป่าชายเขาจำนวน 400 คน พบว่ามีเชื้อมาลาเรียอยู่ถึง 200 คน เรียกว่าครึ่งต่อครึ่งกันเลยทีเดียว จึงเป็นปัญหาที่ต้องรีบจัดการให้เหมาะสม สำหรับวิธีป้องกันคือการพ่นยาในพื้นที่ แต่อุปสรรคคือชาวบ้านมักไม่ยอมเพราะกลัวว่าจะมีปัญหากับนกที่ตัวเองเลี้ยงไว้ทำให้ยากแก่การป้องกัน
สาเหตุโรคไข้มาลาเรีย
- โรคมาลาเรียเป็นโรคติดต่อเกิดจากเชื้อ Plasmodium ซึ่งเป็นสัตว์เซลเดียวอยู่ใน class Sporozoa มีวงจรชีวิตอยู่ทั้งในสัตว์มีกระดูกสันหลังและยุง
- ปัจจุบันในประเทศไทยเชื้อที่พบส่วนใหญ่คือ P.vivax ซึ่งเป็นชนิดที่ไม่แสดงอาการรุนแรง แต่สามารถเป็นๆหายๆจากเชื้อที่มีระยะหลบพักในตัว
- เชื้อ Plasmodium ที่ก่อโรคในคนมี 5 ชนิด ได้แก่
- P.falciparum เชื้อมาลาเรียพลาสโมเดียมฟัลชิปารัม หรือ พีเอฟ (P.f.) เป็นเชื้อชนิดรุนแรง หากป่วยหนัก อาจมีอาการมาลาเรียขึ้นสมอง ถ้ารักษาไม่ทันอาจถึงตายได้
- P.vivax เชื้อมาลาเรียพลาสโมเดียมไวแวกซ์ หรือ พีวี (P.v.) เป็นเชื้อชนิดไม่รุนแรง แต่ถ้าไม่ได้รักษาให้หายขาด เชื้อสามารถอยู่ในร่างกายคนได้นานหลายปี จึงทําให้มีอาการของโรคไข้มาลาเรียเป็นๆ หายๆ
- P.malariae เชื้อมาลาเรียพลาสโมเดียมมาลาเรอิ หรือ พีเอ็ม (P.m.)
- P.ovale เชื้อมาลาเรียพลาสโมเดียมโอวาเล หรือ พีโอ (P.o.)
- P. knowlesi เชื้อมาลาเรียพลาสโมเดียมโนไซ หรือ พีเค (P.k.)เป็นเชื้อมาลาเรียที่อยู่ในลิงแสม แล้วติดมาสู่คน
- ยุงพาหะนำโรคไข้มาลาเรีย
- ยุงพาหะนำโรคไข้มาลาเรีย คือยุงก้นปล่อง ( anopheline) โดยเป็นตัวเมียที่นำโรค ยุงก้นปล่องสปีชีส์ที่พบว่านำโรคไข้มาลาเรียในประเทศไทย ได้แก่ Anopheles dirus, An.minimus, An. maculatus, An. epiroticus, An. aconitus
ระยะของอาการป่วยด้วยโรคมาลาเรีย
- ระยะแรก คือ จะมีอาการหนาวสั่น ตัวเย็น ชีพจรเต้นเร็ว มีอาการเกร็ง ปัสสาวะบ่อย อุณหภูมิค่อยๆ สูงขึ้น ระยะนี้ใช้เวลา 15-60 นาที เป็นระยะการแตกของเม็ดเลือดแดงที่มีเชื้อมาลาเรีย
- ระยะร้อน ผู้ป่วยจะมีไข้สูงถึง 40° ตัวร้อน ลมหายใจร้อน หน้าแดง ปากซีด และกระหายน้ำ ชีพจรเต้นเร็วและแรง ปวดศีรษะลึกเข้าไปในกระบอกตา ระยะนี้ใช้เวลา 1-3 ชั่วโมง
- ระยะเหงื่อออก เมื่อสร่างไข้ ไข้ลดลง ผู้ป่วยจะเหงื่อออกและเข้าสู่ภาวะปกติ ระยะเหงื่อออกใช้เวลา 2-4 ชั่วโมง
วิธีป้องกัน
- ควรนอนในมุ้ง ระวังอย่าให้ยุงกัด
- กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงทุกชนิด
- ถ้าต้องเข้าไปอยู่ในเขตที่มีไข้มาลาเรียควรกินยาป้องกันไว้ล่วงหน้า
วิธีรักษาโรค
- ทานยาตามแพทย์สั่งให้ครบ โดยโรคนี้จะมี 2 อาการซึ่งจะได้รับยาที่แตกต่างกัน อาการแรกคือ ทานยา 3 วัน และอีกอาการคือทานยา 14 วัน ควรทานให้ครบทุกวันตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด เพื่อให้หายขาดจากโรค
- นอกจากการทานยาบางกรณีแพทย์อาจใช้วิธีการฉีดยาเข้ากระแสเลือด เพื่อทำการรักษา
ติดตามเนื้อหาดีๆ น่าอ่านได้ที่ anenglishrosegarden.com อัพเดตทุกสัปดาห์